สัจพจน์ 4 ข้อ เรื่องความตายและพระอนิจจลักษณะ

เราได้เห็นแล้วว่าสมาธิเป็นหนึ่งในขั้นตอนสามขั้นตอน คือ การฟังคำสอน การคิดไตร่ตรองคำสอน และการทำสมาธิภาวนาถึงคำสอนนั้น สมาธิภาวนาในขั้นตอนที่สามนี้คือการนำเอาคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันโดยทำซํ้าหรือบ่อยครั้ง พัฒนาจิตให้ดีงามเป็นบวกตามที่ต้องการด้วยการทำซํ้า ทำบ่อยๆจนกลายเป็นนิสัย

เราฟังคำสอนและเกิดการรับรู้ที่แยกแยะได้ว่า “นี้คือคำสอนของพระพุทธเจ้า” เราเชื่อมั่นในคำสอนนั้น และเราก็เห็นว่าเราสามารถเข้าถึงคำสอนที่น่าจะเป็นความจริงนั้นได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องเข้าใจคำสอนนั้นทั้งหมด แต่อย่างน้อยเราเกิดความสนใจและเกิดแรงจูงใจต่อคำสอนนั้น เราอาจคิดว่าคำสอนนั้นถูกต้องเป็นจริงเสียก่อน จนกว่าจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่ ถ้าเราพบว่าคำสอนนั้นไม่จริง ก็ลืมมันไปได้เลย แต่ข้อสำคัญคือ การเปิดใจกว้างคิดล่วงหน้าเอาว่าคำสอนนั้นเป็นจริง แล้วค่อยมาตรวจสอบทีหลังว่าเป็นจริงหรือไม่ เราควรคิดด้วยว่าคำสอนนั้นเป็นประโยชน์ เหมือนกับวิตามิน ท่านคงไม่ทานยาพิษเป็นแน่ โดยคิดว่า “ขอให้ฉันได้ลองทานยาดูว่ามันอันตรายถึงชีวิตไหม” ท่านก็คงคาดคิดเอาไว้ว่าวิตามินคงมีประโยชน์ เพราะว่าหลายคนกล่าวเช่นนั้น ดังนั้นเราควรพยายามทดสอบลองดูด้วยตัวของตัวเอง 

เราขบคิดไตร่ตรองถึงคำสอน ก็เพื่อ “การรับรู้ที่แยกแยสิ่งต่างๆได้อันเป็นผลจากการคิดไตร่ตรอง” จึงเกิดความเชื่อมั่นว่าตนเองเข้าใจคำสอนในพุทธศาสนา พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เป็นความจริง เกิดประโยชน์สุข และรู้แจ้งเข้าถึงได้ เมื่อคนทั่วไปเลิกปฏิบัติเสียกลางคัน และมีหลายๆคนทำแบบนั้นหลังจากปฏิบัติไปได้สักพัก เพราะเกิดมี “อาการลังเลสงสัย” ไม่มั่นใจว่าจะเป็นจริงได้ จึงต่างพากันเลิกล้มการปฏิบัติกันไป 

Top