ความเห็นอกเห็นใจบนพื้นฐานทางชีววิทยาและเหตุผล

แม้กระทั่งสัตว์ก็ยังมีสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกแรกเกิดของมันซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนออกซิโทซิน ยิ่งไปกว่านั้น ทารกทุกคน ทั้งคนและสัตว์ต่างก็มีความต้องการการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักและความห่วงใยเท่าเทียมกัน เมล็ดพันธุ์แห่งความเห็นอกเห็นใจนี้หรือความปรารถนาให้ผู้อื่นปราศจากความทุกข์นั้น ก็มีอยู่ในสัญชาตญาณทางชีววิทยาของเราและเสริมด้วยตรรกะที่ว่าการอยู่รอดของเราขึ้นอยู่กับความเห็นอกเห็นใจและทุกคนก็มีความเท่าเทียมกันในเรื่องนี้

ผลของการกระทำใด ๆ ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจนั้น ๆ การกระทำเดียวกันอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่แตกต่างกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ามีอารมณ์ที่รบกวนจิตใจหรืออารมณ์เชิงบวกอยู่เบื้องหลังมัน แม้แต่อารมณ์ทั่วไปแบบเดียวกัน เช่น ความเห็นอกเห็นใจ กระตุ้นให้เกิดการกระทำหนึ่ง การสนับสนุนทางจิตใจและทางอารมณ์ของอารมณ์นั้นก็จะมีผลต่อผลลัพธ์เช่นกัน

ความเห็นอกเห็นใจ 3 ประเภท

พิจารณาดูที่ความเห็นอกเห็นใจเป็นตัวอย่าง ซึ่งมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

  • ประเภทแรกเป็นความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อญาติพี่น้องและบุคคลอันเป็นที่รัก แต่เมื่อมันตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยึดติดแล้ว มันจึงมีขอบเขตจำกัด แม้แต่ในสถานการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็อาจเปลี่ยนเป็นความโกรธและถึงกับเป็นความเกลียดชังอย่างรวดเร็วได้
  • ประเภทที่สองเป็นความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อสิ่งมีชีวิตที่มีความทุกข์ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความสงสารพวกเขา ด้วยความเห็นอกเห็นใจประเภทนี้ เราดูถูกพวกเขาและรู้สึกว่าเราดีกว่าพวกเขา ความเห็นอกเห็นใจสองประเภทนี้เกิดขึ้นเนื่องจากอารมณ์ที่รบกวนจิตใจ และด้วยเหตุนี้มันจึงนำไปสู่ปัญหา
  • ความเห็นอกเห็นใจประเภทที่สามนั้นเป็นกลาง มันตั้งอยู่บนความเข้าใจและความเคารพ ด้วยสิ่งนี้ เราจึงตระหนักว่าคนอื่น ๆ ก็เหมือนกับเรา พวกเขามีสิทธิ์ที่จะมีความสุขและไม่มีความทุกข์เหมือนที่เรามีเช่นกัน เพราะความเข้าใจนั้น เราจึงรู้สึกถึงความรัก ความเห็นอกเห็นใจ และความรักต่อพวกเขา ความเห็นอกเห็นใจประเภทที่สามนี้เป็นประเภทที่มั่นคง ซึ่งพัฒนาได้จากการฝึกฝน การศึกษา และเหตุผล ยิ่งความเห็นอกเห็นใจมีความมั่นคงมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น

ความเห็นอกเห็นใจทั้งสามประเภทนี้จัดอยู่ในหมวดหมู่ทั่วไปสองหมวดหมู่ สองประเภทแรกเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติซึ่งเป็นผลมาจากระบบประสาทบางอย่าง ส่วนประเภทที่สามเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากเหตุผล

ความใกล้ชิดและความรักตามสัญชาตญาณของแม่ที่มีต่อทารกแรกเกิดของตน

ความเห็นอกเห็นใจที่อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและปราศจากอคติใด ๆ ได้รับการเสริมจากธรรมชาติ ตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หรือนก อาตมาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเต่าและผีเสื้อ เราทุกคนต่างก็รู้สึกถึงความรักที่ไม่มีอคติต่อแม่ของเราโดยอัตโนมัติ แม้ว่าเราจะไม่รู้จักแม่ก็ตาม เราทุกคนรู้สึกถึงแรงดึงดูด ความใกล้ชิด และความรักตามธรรมชาติที่มีต่อแม่ เช่นเดียวกัน ผู้เป็นแม่ก็รู้สึกถึงความใกล้ชิดและความรักตามธรรมชาติที่มีให้กับลูกที่เกิดใหม่ของตนโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้ แม่จึงดูแลและเลี้ยงดูทารกนั้น การดูแลด้วยความรักนี้เป็นพื้นฐานเพื่อพัฒนาการที่ดีของเด็ก

จากสิ่งนี้ เราจะเห็นว่าความใกล้ชิดและความรักทางชีววิทยาเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความเห็นอกเห็นใจ มันเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราเคยได้รับมาและมันก็มาจากแม่ของเรา เมื่อเราหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ด้วยเหตุผลและการศึกษา พวกมันก็จะเติบโตขึ้นเป็นความเห็นอกเห็นใจที่แท้จริง นั่นคือ ไม่ลำเอียงและมุ่งตรงไปยังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งตั้งอยู่บนความเข้าใจในความเท่าเทียมกันของพวกเราทุกคน

จริยธรรมทางโลกบนพื้นฐานของความเห็นอกเห็นใจ

สำหรับทารกนั้น ความรักไม่ได้มีพื้นฐานมาจากศาสนา กฎหมาย หรือการบังคับใช้กฎหมาย มันแค่มาโดยธรรมชาติก็เท่านั้น ดังนั้น แม้ว่าความเห็นอกเห็นใจที่ศาสนาสอนจะดี แต่เมล็ดพันธุ์ที่แท้จริง พื้นฐานที่แท้จริงของความเห็นอกเห็นใจก็คือ ทางชีววิทยา มันเป็นพื้นฐานของสิ่งที่อาตมาเรียกว่า “จริยธรรมทางโลก” ศาสนาเพียงแค่ควรจะเสริมสร้างเมล็ดพันธุ์นี้ก็เท่านั้น

บางคนคิดว่าจริยธรรมทางศีลธรรมต้องอาศัยความเชื่อทางศาสนาเป็นหลักเท่านั้น บางคนคิดว่าสามารถพัฒนาสำนึกแห่งจริยธรรมได้ด้วยการฝึกฝน บางคนคิดว่า “ทางโลก” หมายถึงการปฏิเสธศาสนา บางคนคิดว่า “ทางโลก” บอกเป็นนัยโดยปราศจากความลำเอียงว่าการเคารพทุกศาสนา รวมถึงการเคารพผู้ไม่นับถือศาสนาตามรัฐธรรมนูญของอินเดียด้วย จริยธรรมประเภทหลังนี้ โดยเฉพาะที่มีความเห็นอกเห็นใจเป็นพื้นฐานนั้น มีรากฐานมาจากสัญชาตญาณ เช่นเดียวกับกรณีของแม่และลูกแรกเกิด มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเนื่องจากความจำเป็นในการอยู่รอด เนื่องจากพื้นฐานทางชีววิทยานั้น มันจึงมีความมั่นคงมากกว่า

เมื่อเรามีความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น จิตใจและหัวใจของเราก็จะเปิดกว้างมากขึ้น และเราก็จะสื่อสารกันได้ง่ายมากขึ้น

ตอนที่เด็ก ๆ เล่นกัน พวกเขาไม่ได้นึกถึงศาสนา เชื้อชาติ การเมือง หรือภูมิหลังทางครอบครัว พวกเขาชื่นชมรอยยิ้มจากเพื่อนเล่นของพวกเขา ไม่ว่าเพื่อน ๆ ของพวกเขาจะเป็นใคร แล้วจึงสนองตอบด้วยการดีต่อพวกเขา จิตใจและหัวใจของพวกเขาเปิดกว้าง ในทางกลับกัน ผู้ใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความแตกต่างทางเชื้อชาติและการเมืองเหล่านี้ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จิตใจและหัวใจของพวกเขาจึงแคบลง

จงมองดูที่ความแตกต่างระหว่างทั้งสองอย่างนี้ เมื่อเรามีความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น จิตใจและหัวใจของเราจะเปิดกว้างมากขึ้น และเราก็จะสื่อสารกันได้ง่ายมากขึ้น เมื่อเราเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง จิตใจและหัวใจของเราก็จะปิด และมันก็เป็นการยากที่เราจะสื่อสารกับผู้อื่น ความโกรธทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ในขณะที่ความเห็นอกเห็นใจและจิตใจที่เมตตาจะช่วยปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันของเรา ด้วยความโกรธและความกลัว เรานอนไม่หลับ และถึงแม้เราจะหลับ แต่เราก็ฝันร้าย ถ้าใจเราสงบ เราก็หลับสบาย เราไม่ต้องการยาระงับประสาท เพราะพลังงานของเรามีความสมดุล  ด้วยความเครียด  พลังงานของเรากำลังวิ่งไปรอบ ๆ และเราก็จะรู้สึกกระวนกระวาย

ความเห็นอกเห็นใจทำให้จิตใจสงบและเปิดกว้าง

เพื่อที่จะมองเห็นและเข้าใจได้อย่างชัดเจน เราต้องมีจิตใจที่สงบ หากเรากระวนกระวายใจ เราก็จะไม่เห็นความเป็นจริง ดังนั้น ปัญหาส่วนใหญ่ แม้แต่ในระดับโลก ก็เป็นปัญหาที่มนุษย์สร้างขึ้น มันเกิดขึ้นเพราะเราจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ไม่ดี จากการไม่เห็นความเป็นจริง การกระทำของเราตั้งอยู่บนความกลัว ความโกรธ และความเครียด มีความเครียดมากเกินไป เราลำเอียงเพราะจิตใจของเราถูกหลอก อารมณ์เชิงลบเหล่านี้นำไปสู่ความใจแคบและนำไปสู่ปัญหาซึ่งไม่เคยให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเลย

ในทางกลับกัน ความเห็นอกเห็นใจ นำมาซึ่งใจที่เปิดกว้าง เป็นจิตใจที่สงบ ด้วยสิ่งนี้ เราจึงเห็นความเป็นจริงและวิธีการที่จะยุติสิ่งที่ไม่มีใครต้องการและนำมาซึ่งสิ่งที่ทุกคนต้องการ นี่เป็นประเด็นสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งของความเห็นอกเห็นใจที่ตั้งอยู่บนเหตุผล ดังนั้น ในการส่งเสริมคุณค่าของมนุษย์บนพื้นฐานทางชีววิทยาและสนับสนุนด้วยเหตุผล มารดาและความรักกับความเมตตาโดยสัญชาตญาณระหว่างแม่กับลูกจึงมีบทบาทสำคัญ

Top