เราจะสามารถเข้าใจการเกิดใหม่ได้อย่างไร
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าทุกสิ่งเป็นความจริงอย่างมีเหตุผล ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนานั้นสามารถรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลได้มีอยู่ 2 วิธีคือโดยการรับรู้อย่างตรงไปตรงมาและจากการอนุมาน ด้วยการทำการทดลองในห้องปฏิบัติการ เราสามารถตรวจสอบความสมเหตุสมผลของการมีอยู่ของบางสิ่งผ่านการรับรู้ที่ตรงไปตรงมาได้ ตัวอย่างเช่น โดยวิธีการมองผ่านกล้องจุลทรรศน์เราก็จะรู้ว่ามันเป็นจริง เพียงแค่ผ่านการรับรู้จากประสาทสัมผัสของเราว่ามีจุลินทรีย์เล็ก ๆ จำนวนมากอยู่ในหยดน้ำหนึ่งหยดในทะเลสาบ
อย่างไรก็ตาม บางสิ่งไม่สามารถรู้ได้โดยผ่านการรับรู้อย่างตรงไปตรงมา เราต้องอาศัยตรรกะ เหตุผล และการอนุมาน เช่น การมีอยู่ของแม่เหล็ก โดยการอนุมานจากพฤติกรรมของแม่เหล็กและเข็มโลหะ การเกิดใหม่เป็นเรื่องยากมากที่จะพิสูจน์ด้วยการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสอย่างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม มีตัวอย่างของผู้คนที่จำชีวิตในชาติก่อนได้ และสามารถระบุสิ่งของที่เป็นของตน หรือคนที่พวกเขาเคยรู้จักมาก่อนได้อยู่หลายตัวอย่าง เราอาจอนุมานผ่านสิ่งนั้นถึงการมีอยู่ของการเกิดใหม่ แต่บางคนอาจสงสัยในข้อสรุปนี้และสงสัยว่าเป็นกลอุบาย
หากไม่คิดถึงเรื่องของความทรงจำในชาติก่อน เราอาจเปลี่ยนเป็นตรรกะเพื่อทำความเข้าใจการเกิดใหม่ได้ สมเด็จองค์ดาไลลามะได้กล่าวว่าหากบางประเด็นไม่สัมพันธ์กับความเป็นจริง ท่านก็เต็มใจให้สิ่งเหล่านั้นถูกกำจัดออกไปจากพระพุทธศาสนา นี่ก็ประยุกต์ใช้กับการเกิดใหม่ได้เช่นกัน ซึ่งในความเป็นจริง ท่านได้กล่าวเช่นนี้ในบริบทนั้นแต่แรกเริ่มแล้ว หากนักวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ว่าการเกิดใหม่ไม่มีอยู่จริง ฉะนั้นแล้วเราก็ต้องเลิกเชื่อว่ามันเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม หากนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นเท็จ และเพราะพวกเขาปฏิบัติตามตรรกะและวิธีการทางวิทยาศาสตร์เพื่อเปิดให้มีการทำความเข้าใจในสิ่งใหม่ต่าง ๆ ฉะนั้นพวกเขาต้องตรวจสอบว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่ เพื่อพิสูจน์ว่าการเกิดใหม่ไม่มีอยู่จริง พวกเขาจะต้องค้นหาการไม่มีอยู่จริงของมัน เพียงแค่พูดว่า “การเกิดใหม่ไม่มีอยู่จริงเพราะฉันไม่ได้เห็นมันกับตาของฉัน” ไม่ใช่การค้นพบการไม่มีอยู่ของการเกิดใหม่ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดำรงอยู่ที่เราไม่สามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาของเรา เช่น แม่เหล็กและแรงโน้มถ่วง